4 ก.พ. 2560

การเขียนบทความ

การเขียนและนำเสนอบทความออนไลน์
สำหรับท่านผู้ทรงความรู้ทั้งหลาย การเริ่มต้นสร้างบทความ น่าจะไม่ยุ่งยากมากนัก เพราะท่านได้สะสม องค์ความรู้อยูในตัวท่านไว้มากแล้ว เพียงแต่จะดึงความรู้นั้นออกมาเผยแพร่ได้อย่างไร เสมือน ส่วนของภูเขาน้ำแข็งส่วนที่จมอยู่ไต้น้ำ หากบทความท่านมีผู้สนใจติดตามมากโอกาศสร้างรายได้ ก็จะมาหาท่านเอง จากการรวบรวมแนวคิดเบื้องต้นในการเขียนบทความได้ดังนี้




1.เริ่มต้นด้วยเนื้อหาที่ผู้คนอยากรู้ และเรามีความรู้อยู่
ถ้าคุณยังไม่มีไอเดียอยู่ในหัวเลยว่าจะแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับอะไร  คุณสามารถเลือกได้จากความรู้ที่ถนัดและสนใจ หรือง่ายที่สุดโดยอาจจะแบ่งปันประสบการณ์การทำงานของคุณก็ได้ เช่น ถ้าคุณเป็น HR ก็อาจจะแบ่งปันว่า “เตรียมตัวสัมภาษณ์งานแบบไหนให้ถูกใจ HR ” ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้กำลังสมัครงานใหม่เท่านั้น แต่หากเนื้อหาของคุณน่าสนใจและบอกเล่ามาจากคนที่มีประสบการณ์อย่างคุณ ย่อมเรียกได้ว่ามันจะเป็นเนื้อหาจากผู้เชี่ยวชาญ และคุณก็จะสามารถสร้างตัวตน (หรือสร้าง personal brand ) ให้กับตัวเองได้อีกด้วย มันจะช่วยให้คุณนำไปต่อยอดได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการทำหนังสือเกี่ยวกับ เคล็ดลับการสัมภาษณ์งานให้ประสบความสำเร็จ หรือนำไปสู่วิทยากรผู้ถ่ายทอดวิชาให้กับฝ่ายบุคคลในองค์กรต่างๆ เลยก็ได้
ดังนั้น หากคุณคิดอะไรไม่ออก เริ่มจากความถนัดและเชี่ยวชาญของคุณจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

2.หากลุ่มเป้าหมายและเข้าใจกลุ่มเป้าหมายของคุณ
หลังจากที่คุณรู้แล้วว่ามีเนื้อหาแบบไหนที่คุณอยากนำเสนอ  ก็ถึงเวลามามองว่า กลุ่มเป้าหมาย หรือผู้ที่คุณต้องการถ่ายทอดความรู้ให้คือใคร เพราะมันจะทำให้คุณรู้ว่า คุณจะถ่ายทอดความรู้ของคุณในลักษณะไหน เพราะคนหลายคน ย่อมมีความสนใจที่แตกต่างกัน บางคนชอบอ่าน บางคนชอบฟัง บางคนชอบดู ดังนั้น ความรู้หนึ่งอย่างที่คุณมี จึงสามารถเผยแพร่ได้หลายรูปแบบ ถ้ากลุ่มเป้าหมายของคุณคือนักอ่าน คุณอาจจะเขียนหนังสือ ทำ E-book และเขียนบล็อก หากกลุ่มเป้าหมายของคุณชอบฟัง อาจทำเป็นซีดี หรือถ้าพวกเขาชอบทั้งฟังและดู หรือชอบอะไรที่เป็นแบบแผน เป็นขั้นตอน คุณอาจจะทำเป็นคอร์สออนไลน์ไปเลยก็ได้ ดังนั้น คุณต้องรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณคือใคร ต้องการอะไร และตอบสนองความต้องการของพวกเขา

3.เริ่มจากภาพใหญ่ไปเล็ก หรือเริ่มจากจุดเล็กๆแล้วค่อยหาแนวร่วม
อีกวิธีหนึ่งหนึ่งที่จะช่วยให้คุณเริ่มต้นได้ดีคือ ค่อยเป็นค่อยไป การถ่ายทอดความรู้ไม่ใช่การยัดเยียดความรู้ คุณต้องค่อยๆ สร้างตัวตนของคุณผ่านการถ่ายทอดความรู้ มันเหมือนกับการรู้จักใครสักคนหนึ่งที่ต้องใช้เวลาในการศึกษากันและกัน คุณจึงต้องให้กลุ่มเป้าหมายของคุณค่อยๆ ทำความรู้จักคุณ ไม่ว่าจะเป็นจากเนื้อหาที่คุณถ่ายทอด บทความสั้นๆ Blog ของคุณ Fanpage ของคุณ หนังสือสักเล่มไปจนกระทั่งการจัดงานสัมมนาหรือเปิดคลาสสอน คุณอาจจะเริ่มจากคลาสที่มีผู้เรียนไม่เยอะมากนัก แล้วค่อยขยายใหญ่ขึ้น ไม่ต้องกลัวว่าการเริ่มต้นจากห้องเรียนขนาดเล็กหรืองานสัมมนาเล็กๆ จะทำรายได้ให้กับคุณไม่มากพอ เพราะหากคุณสามารถถ่ายทอดได้ดีและมีประสิทธิภาพ ผู้คนก็จะรู้จักคุณมากเรื่อยๆ และห้องเรียนของคุณก็จะใหญ่ขึ้นมีผู้เรียนจำนวนมากขึ้น หรืออีกหนึ่งวิธีที่นักธุรกิจความรู้หลายคนมักใช้กันก็คือ การถ่ายทอดความรู้ในรูปแบบของวิดีโอ ไม่ว่าจะเป็นคอร์สออนไลน์ หรืออัพโหลดวิดีโอลงตามช่องเผยแพร่ต่างๆ ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้ผู้คนรู้จักคุณมากขึ้น วิดีโอของคุณอาจจะมีแค่ 10 นาที แต่ถ้ามันมีอย่างต่อเนื่อง และเต็มไปด้วยเนื้อหาที่มีประโยชน์และการถ่ายทอดที่น่าสนใจ ย่อมทำให้คนรู้จักคุณมากขึ้นเรื่อยๆ และสนใจคุณมากขึ้น

4.สร้างพันธมิตรเคลือข่ายด้วยสื่อสังคมออนไลน์
ในการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจประเภทใด การมีพันธมิตรย่อมส่งผลดีต่อธุรกิจของคุณ ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของการมีผู้ร่วมลงทุน หรือในแง่ของการตลาด กลยุทธ์ที่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นก็คือ การสร้างความสัมพันธ์กับพันธมิตร โดยอาจจะแบ่งรายได้โดยการแบ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ จากการร่วมผลิตหรือร่วมลงทุนต่างๆ

5.นำเสนออย่างสร้างสรรค์เป็นเรื่องราว ตามแนวโน้มของสังคมในขณะนั้น
มีสื่อความรู้หลายหลายรูปแบบมากมายที่ผู้คนต้องการเรียนรู้และศึกษา ไม่ว่าจะเป็น E-book, การสัมมนาออนไลน์,คอร์สออนไลน์  และอื่นๆอีกมากมาย แต่เคล็ดลับสำคัญที่สุดอีกอย่างหนึ่งคือ จะทำอย่างไรให้สื่อความรู้นั้นมีประสิทธิภาพและไม่น่าเบื่อ ดังนั้น “การนำเสนออย่างสร้างสรรค์” เพื่อให้ความรู้ที่คุณถ่ายทอดมีความน่าสนใจจึงสำคัญมาก เพราะจะทำให้การถ่ายทอดของคุณมีประสิทธิภาพ เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายให้ความสนใจกับสิ่งที่คุณนำเสนอ

นอกจากนั้น สิ่งสำคัญอีกอย่างก็คือ คุณต้องนึกอยู่เสมอว่าข้อมูลความรู้ที่คุณถ่ายทอดมีประโยชน์กับกลุ่มเป้าหมายของคุณเพียงใด เพราะ “ประโยชน์ที่ได้รับ” เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยหากต้องการทำธุรกิจด้านข้อมูล เพราะถ้าหากข้อมูลเหล่านั้นเก่าเกินไป ไม่น่าสนใจ หรือไม่เกิดประโยชน์ มันก็คงยากที่จะทำให้ผู้คนสนใจและเห็นคุณค่าในสิ่งที่คุณกำลังถ่ายทอด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น